วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ยุคคอมพิวเตอร์

ยุคที่ 1 (พ.ศ. 2488-2501) จะใช้หลอดสูญญากาศเป็นอุปกรณ์สำคัญภาษาที่ใช้
สั่งคอมพิวเตอร์ให้ทำงานต้องใช้ภาษาเครื่องซึ่งเป็นรหัสตัวเลข     ในปลายยุคนี้มีการ
นำเทปแม่เหล็กมาเก็บข้อมูลควบคู่กับบัตรเจาะรู หน่วยความจำหลักของคอมพิวเตอร์
ทำด้วยวงแหวนแม่เหล็กขนาดเล็กหน่วยความจำหลักนี้จะเก็บข้อมูลเฉพาะการประมวลผล
ถ้าต้องการเก็บข้อมูลถาวรต้องบันทึกด้วยบัตรเจาะรู  


ยุคที่ 2 (พ.ศ. 2502-2506)  ยุคนี้ใช้ทรานซีสเตอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
แทนหลอดสูญญากาศในยุคนี้มีการใช้ภาษาแอสเซมบลี(Assembly Language)ซึ่งเป็น
ภาษาที่ใช้คำย่อเป็นคำแทนรหัสตัวเลข ในปี พ.ศ. 2505 มีการนำเอาชุดจานแม่เหล็กที่ถอดเปลี่ยนได้มาบันทึกข้อมูลแทนการ
ใช้แถบแม่เหล็ก

ยุคที่ 3 (พ.ศ. 2507-2512)ยุคนี้จะใช้วงจรไอซี  (IC หรือ Integrated Circuits) ซึ่งเป็นการบรรจุวงจรอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากบนแผ่นซิลิกอนเล็กๆแทนการใช้ทรานซิสเตอร์เล็กๆ ซึ่งทำให้มีความเที่ยงตรงในการทำงานสูงมีความเร็วในการทำงานสูงขึ้นราคาถูกและกินไฟน้อย


ยุคที่ 4 (พ.ศ. 2513 ถึง ปัจจุบัน) จากวงจรไอซี ต่อมาในปี พ.ศ. 2513 ได้มีการพัฒนาแอลเอสไอ (LSI = Large Scale Integration Circuit)ทำให้สามารถบรรจุทรานซิสเตอร์ จำนวนหลายพันตัวลงบนแผ่นซิลิกอนขนาด 1/6 ตารางนิ้วในปี พ.ศ. 2518 สามารถเพิ่มวงจรหลายหมื่นวงจรบนแผ่นซิลิกอนขนาดเท่าเดิม เรียกว่า วีแอลเอสไอ (VLSI = Very Large Scale Integration Circuit) ทำให้ขนาดของคอมพิวเตอร์เล็กลง

 

ยุคที่ 5 ในปีค.ศ. 1979 บริษัทโมโตโลรา ได้สร้างไมโครโปรเซสเซอร์ รุ่น MC68000 ที่บรรจุจำนวนทรานซิสเตอร์ได้ถึง 68,000 และไมโครคอมพิวเอตณืจำนวนมากมายได้ใช้ชิปดังกล่าวเป็นตัวประมวลผล ชิปนี้สามารถเทียบเท่าเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ในยุคก่อนๆเลยทีเดียว และจากนั้นมาเทคโนโลชิปก็ได้มีการพัฒนาต่อไปด้วยการลดขนาดลง และภายในชิปสามารถบรรจุทรานซิสเตอร์ได้ในระดับ ร้อย พัน ล้าน และพันล้านชิ้น  ด้วยเทคโนโลยี VLSI (Very Large-Scale Integretion)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น